ทัวร์ศรีลังกา: เกาะแห่งธรรมและมรดกโลก
เทศกาลแห่พระเขี้ยวแก้ว : ประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด
ทัวร์ 7 วัน 5 คืน จัดบินเช้า-กลับดึก จึงเที่ยวได้เต็มวัน เดินทางได้แบบไม่เร่งรีบ เพื่อให้ผู้เดินทางสัมผัสประสบการณ์ที่ผ่อนคลาย
ทริปนี้พาชมพิธีแห่พระเขี้ยวแก้วที่จัดขึ้นในเมืองแคนดี้ ซึ่งเป็นเทศกาลสำคัญของศรีลังกา นอกจากนี้ยังไปชมมรดกโลก 5 แห่ง ได้แก่ อนุราธปุระ, โปลนนารุวะ, ดัมบุลละ และสิกิริยา วัดพระเขี้ยวแก้วและบริเวณโดยรอบ
เติมเต็มประสบการณ์ด้วยการเข้าพักในเมืองนูวาเอริยา สมญาอังกฤษน้อย เมืองที่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี มีภูมิประเทศสวย ไร่ชา ทะเลสาบ ภูเขา น้ำตก
ผู้เข้าร่วมทัวร์จะได้พักในโรงแรมระดับ 4 ดาว และ เดินทางด้วยสายการบินศรีลังกาแอร์ไลน์
กำหนดการเดินทาง : 4-10 สิงหาคม 2568 (ถึงสุวรรณภูมิเช้าตรู่วันที่ 10)
คลิก โหลดโปรแกรมทัวร์
ทัวร์ศรีลังกา: ประสบการณ์การเดินทางที่ครบครันและน่าจดจำ
การเดินทางที่น่าสนใจในช่วง 7 วัน 5 คืน โดยมีการบินเช้า-กลับดึก ทำให้เที่ยวได้เต็มวัน เดินทางได้แบบไม่เร่งรีบ เพื่อให้ผู้เดินทางได้ประสบการณ์ที่ผ่อนคลาย
พาท่องเที่ยวถึง 7 เมือง เยี่ยมชมมรดกโลก 5 แห่ง ได้แก่ อนุราธปุระ, โปลนนารุวะ, ดัมบุลละ สิกิริยา และแคนดี้ รวมถึงวัดถ้ำที่ทำการจารพระไตรปิฏกเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรกของโลก
สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น ชมระบำแคนดี้ และเข้าพักในเมืองนูวาเอริยา สมญาอังกฤษน้อย เมืองที่มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี มีภูมิประเทศสวย ไร่ชา ทะเลสาบ ภูเขา น้ำตก
ผู้เข้าร่วมทัวร์จะได้พักในโรงแรมระดับ 4 ดาว และ เดินทางด้วยสายการบินศรีลังกา
กำหนดเดินทาง : 17-23 ตุลาคม 2568 (ถึงสุวรรณภูมิเช้าตรู่วันที่ 23)
คลิก โหลดโปรแกรมทัวร์
ทำไมต้องไปศรีลังกา ?
- เรานับถือ #พุทธลังกาวงศ์ ส่วนศรีลังกาเป็น #พุทธสยามวงศ์ !!
- พระพุทธศาสนาในอินเดียล้มหายตายจากไปตั้งแต่หลังพุทธกาลราว ๑,๒๐๐ ปี แต่ที่ศรีลังกายังคงอยู่ต่อมาจนถึงทุกวันนี้ หลายแห่งมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ รวมถึงความเชื่อว่า ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
- ลังกามีกษัตริย์ปกครองต่อเนื่องนับพันๆ ปี จึงมีความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม ที่ได้รับการอนุรักษ์ต่อเนื่องมา จึงมีสถานที่ได้รับยกย่องเป็นมรดกโลกจำนวนมาก
- ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่อินเดียถูกคนพาลทำลาย ตายแล้วฟื้นใหม่หลายรอบ แต่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ศรีลังกา ยังอยู่มาได้กว่า ๒,๐๐๐ ปี เป็นต้นที่พระเจ้าอโศก ส่งมาให้กษัตริย์ศรีลังกา กว่าจะมาถึงได้กษัตริย์ทั้งสองทวีปทรงรอคอยและทะนุถนอมอย่างที่สุด อ่านเรื่องราวเมื่อใดก็น้ำตาไหลทุกครั้ง
- ลังกาโดนพวกตะวันตกข่มเหงต่อเนื่องหลายร้อยปี จนไม่เหลือพระสงฆ์ กษัตริย์ลังกาได้ขอพระสงฆ์จากจากไทยไปช่วยสืบพระศาสนา สมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ จึงได้ส่งพระอุบาลีและคณะ เดินทางไป แต่อุปสรรคมากมาย มีทั้งเรือแตกพระสงฆ์เสียชีวิตไปบางรูป แต่ก็ไม่ย่อท้อรอเวลาเดินทางใหม่ กว่าจะไปถึงลังกาได้ก็ผ่านไปเป็นปีๆ เมื่อถึงแล้วพระอุบาลีได้ทำการบวชภิกษุสืบทอดพระพุทธศาสนา และอยู่ทำหน้าที่ที่ลังกาได้ ๓ ปี ยังไม่ทันได้กลับไทย ก็มรณภาพที่นั่น
- ทัวร์ศรีลังกา ใช้เวลาหลายวันเลยหรือ? นอกจากอนุราธปุระ แคนดี้ และโคลัมโบ แล้ว ยังมีเมืองมรดกโลกอีกเมืองหนึ่ง "โปลนนารุวะ อาณาจักรแห่งที่สองของลังกา" ไหนๆ เดินทางทีแล้ว ถ้าไม่ได้ไปที่นี่ก็เสียโอกาส
- นอกจากสถานที่ทางศาสนาแล้ว ศรีลังกายังมีภูมิประเทศที่สวยงามและอากาศดี เพราะมีลักษณะการเป็นเกาะ ถ้าได้มีโอกาสไปสัมผัสเมืองตากอากาศสมญา "อังกฤษน้อย" ด้วยก็คุ้มการเดินทาง
ไปฮีลใจ เสริมบุญสร้างบารมี แสดงพลังศรัทธาให้เพื่อนชาวพุทธศรีลังกาได้รู้ว่า คนไทยไม่ลืม และชื่นชมธรรมชาติสบายๆ ในคราวเดียวกันค่ะ
ศรีลังกา ธรรมทีปะเกาะแห่งธรรม : ประวัติศาสตร์ที่คลุกเคล้าตำนานอันน่าพิศวง
ศรีลังกามีลักษณะตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย ด้วยเกาะมีลักษณะเป็นรูปหยดน้ำ มีความอุดมสมบูรณ์ และภูมิประเทศสวยงาม จึงได้สมญาว่า "ไข่มุกแห่งมหาสมุทรอินเดีย"
แต่เดิมเกาะลังกามีชื่อว่า "ตัมพปัณณิทวีป" แปลว่า ฝ่ามือแดง เนื่องด้วยมีตำนานการเกิดราชวงศ์ของลังกาไว้ว่า เจ้าชายวิชัยกุมาร ถูกพระบิดาขับไล่มาจากบ้านเมืองเดิม (คาดว่าบนพื้นแผ่นดินชมพูทวีป) ด้วยเป็นคนพาลเกเร
วิชัยกุมารพร้อมบริวารถูกส่งลงเรือปล่อยให้ลอยไปในมหาสมุทร เรือลอยมาถึงฝั่งเกาะลังกา ว่ากันว่า ตรงกับวันที่พระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานพอี พอขึ้นจากเรือทุกคนนั่งพักอย่างเหนื่อยอ่อน เอามือเท้าแผ่นดิน พอยกขึ้นมาดูฝ่ามือเป็นสีแดงไปหมด เพราะดินตรงน้้นเป็นฝุ่นสีแดง นี่จึงถูกตั้งเป็นชื่อเกาะแห่งนี้
เจ้าชายวิชัยกุมาร ได้สร้างบ้านแปงเมืองขึ้น และให้อำมาตย์ที่ตามเสด็จมา แยกย้ายกันไปสร้างบ้านเมืองและมีชื่อต่อมาตามชื่อของอำมาตย์เหล่านั้น เช่น อุนราธคาม (ต่อมาคือเมืองอนุราธปุระ) อุปติสสคาม อุรุเวลคาม เป็นต้น
วิชัยกุมารทรงเรียกพระองค์เองและประชาชนในแว่นแคว้นแห่งใหม่บนเกาะนี้ว่า "ชาวสิงหล" ด้วยพระบิดาของพระองค์พระนามว่า "สีหพาหุ" เป็นลูกของราชสีห์ และยังเป็นผู้พิชิตราชสีห์ผู้พ่อได้อีก
กำเนิดพระพุทธศาสนาในลังกา
หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานล่วงมาราว ๓๐๐ ปี พระเจ้าอโศกมหาราชแห่งชมพูทวีป ทรงส่งสมณทูต ๙ สายออกเผยแผ่พระพุทธศาสนา สายหนึ่งเดินทางไปยังลังกา
การนำพระพุทธศาสนามายังเกาะลังกา พระเจ้าอโศกมอบหมายให้พระโอรสคือ พระมหินทรเถระ ที่ทรงผนวชและเป็นพระอรหันต์ เป็นผู้นำคณะมายังเกาะลังกา เชื่อกันว่า สถานที่แรกที่พระมหินทรได้มาพบราชาสิงหลคือ ภูเขามหินตาเล เป็นเวลาที่พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ กำลังเสด็จล่าสัตว์อยู่ นับตั้งแต่เวลานั้น พระเจ้าเทวานัมฯ ก็มีศรัทธาต่อพระมหินทรเถระ และรับเอาพระพุทธศาสนาเข้าสู่ลังกานั้บแต่นั้น
มีการศึกษาทางประวัติศาสตร์พบว่า พระนามเทวานัมปิยะติสสะแห่งลังกานี้ เป็นพระนามที่พระเจ้าอโศกมหาราช กษัตรยิ์ที่ยิ่งใหญ่ในยุคนั้น มอบให้กษัตริย์แห่งสิงหลใช้ (เพราะเป็นพระนามที่พระเจ้าอโศกก็ทรงใช้เช่นกัน) นอกจากนี้ยังทรงพระราชทานเครื่องราชาภิเษกมาให้กษัตริย์สิงหล เพราะธรรมเนียมเดิมนั้น สิงหลทำแค่การถือตระบองใหม่ ในโอกาสครองบัลลังก์เท่านั้น (ไม่มีพิธีการที่รุ่มรวยแบบอริยะอินเดีย)
จึงเป็นหลักฐานว่า พระเจ้าอโศกทรงให้เกียรติกษัตริย์แห่งสิงหล ทรงต้องการผูกไมตรีและนำพระพุทธศาสนาเผยแผ่ยังดินแดนนี้อย่างยิ่ง ... และด้วยความจริงใจและวิธีการต่างๆ พระพุทธศาสนาก็ได้ประดิษฐานยังเกาะลังกาอย่างแน่นแฟ้น นับตั้งแต่นั้นมา แม้ต่อมาพระพุทธศาสนาจะหายไปจากชมพูทวีป แต่ที่เกาะลังกายังเป็นหลักชัยให้แก่พระพุทธศาสนาต่อไปร่วมกับสยามประเทศ
บุณยสถานศักดิ์สิทธิ์ และมรดกโลก
คัมภีร์โบราณพรรณาถึงโสฬสมหาเจดีย์ อันเป็นบุณยสถานศักดิ์สิทธิ์ ๑๖ แห่ง ในเกาะลังกาไว้ว่า ล้วนเป็นที่พระพุทธเจ้าทั้ง ๔ พระองค์ในภัรทกัปนี้ล้วนเคยเสด็จมา จึงเป็นสถานที่ชาวสิงหลให้ความเคารพและออกจาริกไปกราบไหว้สักครั้งหนึ่งในชีวิต สถานที่เหล่านี้ตั้งอยู่ในเมืองอนุราธปุระถึง ๖ แห่ง และในเมืองโคลัมโบ ๑ แห่ง
ศรีลังกา เป็นดินแดนที่รุ่งเรือง มีกษัตริย์ปกครองมาต่อเนื่องกว่า ๒,๐๐๐ ปี จนมาร่วงโรยเอาในยุคตะวันตกออกล่าอาณานิคม กษัตริย์ทุกราชวงศ์ล้วนสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ทั้งเพื่อแสดงพระราชอำนาจและพระราชศรัทธาในศาสนา ดังนั้น บนเกาะแห่งนี้จึงมีสิ่งควรค่าแก่การได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกมากมาย ได้แก่ เมืองอนุราธปุระ เมืองหลวงแรกของอาณาจักร / โปลนนารุวะ เมืองหลวงแห่งที่ ๒ / วัดถ้ำดัมบุลละ สุดยอดงานศิลปะ / สิงหคีรี พระราชวังลอยฟ้าที่น่าทึ่งมาก / และแคนดี้ เมืองศักดิ์สิทธิ์ที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว และเป็นอาณาจักรสุดท้ายของกษัตริย์สิงหล
เทศกาลเปราเฮรา แห่พระเขี้ยวแก้ว
เทศกาลแห่พระเขี้ยวแก้ว หรือเปราเฮรานี้ มีมากว่าพันปีจนถึงปัจจุบัน จัดขึ้นเป็นงานใหญ่ปีละครั้ง แสดงออกถึงศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า พิธีจะจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลา 7 วัน ในตอนเช้าจะมีพิธีการทำความสะอาด ประดับตกแต่ง กษัตริย์และผู้มีอำนาจในบ้านเมืองจะเดินทางมาถวายเครื่องสักการะแด่องค์พระเขี้ยวแก้วในวิหาร พอตกค่ำก็จะมีขบวนแห่อย่างยิ่งใหญ่ทุกวัน
ปัจจุบันขบวนแห่มีมากกว่ายี่สิบขบวน แต่ละขบวนแสดงออกถึงวัฒนธรรมของชาวสิงหลและชนเผ่าต่างๆ ในลังกา มีการร่ายรำ ดนตรี และ แสดงลีลาพิศดารน่าตื่นเต้นหวาดเสียวบ้าง ขบวนสำคัญกว่าจะมาท้ายๆ เช่น ขบวนอัญเชิญพระทาฐธาตุ หรือพระเขี้ยวแก้ว ขบวนอัญเชิญเทพเจ้าผู้ปกปักษ์พระเขี้ยวแก้ว ซึ่งมีความยาวมาก เป็นต้น
เริ่มในช่วงหัวค่ำและจบในเวลาดึกหลังสามทุ่มไปแล้ว เนื่องจากเป็นขบวนแห่ที่ยาวมาก จึงต้องปิดถนน ร้านรวงโดยรอบทั้งหมด ประชาชนศรีลังกาพากันมาจับจองที่นั่งตามริมถนน ที่มีเชือกกั้นไว้ให้อยู่เฉพาะริมทาง ส่วนนักท่องเที่ยวที่ไปกับคณะทัวร์โดยมากจะมีการซื้อตั๋วที่นั่งแบบวีไอพีไว้ให้ แต่ที่จริงก็เป็นเพียงที่นั่งในร้านอาหารตามทางที่ขบวนผ่าน และนำมาเปิดขายราคาสูงในช่วงดังกล่าว
ผู้ที่สนใจชมเทศกาลนี้ นอกจากจะมีศรัทธาและชมชอบในศิลปวัฒนธรรมแล้ว ยังต้องมีความอดทนเพียงพอสัก 3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย และยอมรับความไม่สะดวกในเรื่องห้องน้ำได้ด้วย